วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2012 ผมมีนัดกับทางโรงเรียนสอนภาษาให้ไปรายงานตัวและสัมภาษณ์ ผมบอกกับภราดารอเลนโซคนที่ช่วยผมแบกกระเป๋าเดินทางขึ้นมาบนห้อง รอเลนโซพูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเหตุนี้ล่ะมั้ง เขาจึงรู้สึกว่าควรช่วยแนะนำสมาชิกใหม่อย่างผมให้เข้าใจอะไรต่อมิอะไรก่อน ซึ่งผมรู้สึกซาบซึ้งในความใจดีของเขามาก ๆ จากที่พ่อต๊ะแนะนำสารพัดสิ่งให้ผมทางโทรศัพท์ ผมจึงบอกรอเลนโซว่า วันนี้จะลองขึ้นรถไฟใต้ดินไปที่โรงเรียนเอง (แล้วโทรถามพ่อต๊ะเป็นระยะ) แต่รอเลนโซคงกลัวผมจะหลงทางซะมากกว่า เลยอาสาจะพาไปขึ้นรถไฟใต้ดินและจะเลยไปหาซื้อหนังสือด้วย ผมขอบคุณเขาและเวลาเก้าโมงครึ่ง ผมก็ออกผจญภัยนอกรั้วอารามกาปูชินเป็นครั้งแรก โดยมีรอเลนโซเป็นผู้นำทาง(ชีวิต) เราขึ้นรถไฟใต้ดินที่มุ่งหน้าไป SESTO ไปลงสถานี DUOMO
ผมโผล่ออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดินก็ต้องอัศจรรย์ใจกับภาพตรงหน้า เป็นความอลังการของอาสนวิหารแห่งมิลาน สไตล์โกธิกที่ยอมรับกันว่าเป็นอาสนวิหารแบบโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความสวยงามไม่ต้องพูดถึง รอเลนโซพาผมไปถ่ายรูปหน้าอาสนวิหารและเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน เราเดินผ่านตำรวจท้องถิ่นที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าสี่ห้าคน นักท่องเที่ยวค่อย ๆ ทยอยกันเข้าไปชมความงดงามเป็นระยะ เมื่อผมเข้าไปด้านใน สถาปัตยกรรม รูปปั้นนักบุญ ภาพวาดขนาดใหญ่และศิลปกรรมต่าง ๆ ดึงดูดให้ผมและเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาชม ต้องรู้สึกทึ่งในความอัศจรรย์แห่งฝีมือมนุษย์ซึ่งสะท้อนพระพลานุภาพของพระเจ้าเช่นกัน บรรยากาศในอาสนวิหารชวนศรัทธาแม้จะมีผู้เยี่ยมชนเดินกันขวักไขว่ เบื้องหน้าแท่นแม่พระและกางเขนของพระเยซูเจ้า แสงเทียนวับวาวถูกจุดขึ้นเป็นแถวเรียงราย ผมเดินเข้าไปถวายความเคารพยังด้านใน ก่อนจะเดินถ่ายภาพไปทั่ว ๆ อาสนวิหาร พลางประหลาดใจในความสวยงามที่ถูกบรรจงประดับประดาอยู่ตามมุมต่าง ๆ ทั่วทั้งอาสนวิหาร ขอบคุณพระที่ให้ผมได้มาเห็นอีกหนึ่งความสวยงามบนโลกใบนี้!!!
เห็นด้วย...ครั้งแรกที่เข้าไป อัศจรรย์ใจมาก ประทับใจมาก ^^
ตอบลบ